กายพร้อม ใจพร้อม ก่อนใส่ขาเทียม
- Patitta Sutthitham
- Mar 5
- 1 min read
Updated: Mar 28

การใส่ขาเทียม คือ ก้าวแรกที่สำคัญสำหรับผู้ที่สูญเสียขาไป ซึ่งต้องอาศัยความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เพราะ หลังจากการสูญเสียอวัยะไป ย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ที่สูญเสียด้วย ดังนั้นการเตรียมพร้อมที่ดีจะช่วยให้การกลับมาเดินอีกครั้งเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น..
การเตรียมร่างกายก่อนใส่ขาเทียม
1. ดูแลตอขาหลังการผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการนั่งงอข้อเข่าเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันข้อยึดติด
- เน้นการรักษาแผลและควบคุมอาการบวมของตอขา
- ออกกำลังกายทั้งแขนและขาที่เหลือรวมถึงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเพื่อป้องกันการสูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีดูแลตอขาได้ที่ Link: https://www.cepo.life/post/prepareforprosthetics
2. กายภาพบำบัดเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
กายภาพบำบัดผู้ป่วยขาเทียม คือ วิธีในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย รวมทั้งการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นจากการผ่าตัดของผู้ป่วย เช่น ข้อสะโพกหรือข้อเข่าติดขัด
ประโยชน์ของการทำกายภาพบำบัด
เพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อที่จำเป็นในการควบคุมการทำงานของขาเทียม
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการผ่าตัด เช่น ข้อสะโพก และ/หรือข้อเข่าติดในท่างอ
เพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้กับผู้ป่วยในการนำขาเทียมที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย
เพื่อให้ผู้ป่วยมีวิธีในการเดินที่ถูกต้อง ซึ่งมีความใกล้เคียงกับการเดินปกติทั่วไป
การเตรียมสภาพจิตใจก่อนใส่ขาเทียม
ก่อนการใส่ขาเทียมต้องมีความพร้อมทางด้านจิตใจ เนื่องจากการสูญเสียอวัยวะไปนั้น อาจทำให้บางคนสูญเสียความมั่นใจและบั่นทอนคุณค่าของตนเองลง จากการศึกษาพบว่าปัญหาสุขภาพจิตของผู้ที่สูญเสียขาในไนจีเรียมีภาวะวิตกกังวลร้อยละ 64.3 และมีภาวะซึมเศร้าร้อยละ 59.55 การศึกษาปัญหาสุขภาพจิตของผู้ที่สูญเสียขาในสหรัฐอเมริกาพบว่ามีภาวะซึมเศร้าร้อยละ 28.7 (ณัฐวดี มณีพรหม วท.บ.ม พีรพนธ์ ลือบุญธวัชชัย พบ. วท.ม.ม . “ภาวะความสุขและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของ ผู้พิการเนื่องจากการตัดขาที่มารับบริการ ที่ศูนย์กายอุปกรณ์ในประเทศไทย,” 2554)
การสูญเสียอวัยวะ โดยเฉพาะขาที่เป็นส่วนสำคัญของการเคลื่อนไหว ส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้พิการ งานวิจัยเกี่ยวกับภาวะความสุขของผู้พิการที่ถูกตัดขาพบว่า 26% ของผู้เข้าร่วมวิจัยมีภาวะความสุขต่ำกว่าคนทั่วไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการสูญเสียขามีผลต่อสุขภาพจิตอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องคือระดับความพึงพอใจในตนเอง ความกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ และความสามารถในการปรับตัว (ณัฐวดี ดวงพรม, 2565)
ผลกระทบทางจิตใจของผู้ที่ถูกตัดขาสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้าน ด้านแรกคือความรู้สึกสูญเสียและภาวะซึมเศร้า งานวิจัยในกลุ่มผู้พิการพบว่ากว่า 30-50% ของผู้ที่ถูกตัดขามีอาการซึมเศร้าระดับปานกลางถึงรุนแรงในช่วงแรกหลังการผ่าตัด (กรมสุขภาพจิต, 2563) ความรู้สึกสูญเสียตัวตนเป็นสิ่งที่พบได้บ่อย เนื่องจากผู้ป่วยต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ หลายคนอาจรู้สึกหมดหวัง และตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณค่าของตนเอง นอกจากนี้ การสูญเสียขายังส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานและวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก
นอกจากภาวะซึมเศร้าแล้ว ความวิตกกังวลก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างมาก การศึกษาพบว่าผู้ที่ถูกตัดขามักมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของตนเอง ทั้งในเรื่องของความสามารถในการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การต้องพึ่งพาผู้อื่นในช่วงแรกของการปรับตัวอาจทำให้เกิดความรู้สึกไร้อำนาจ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเครียดสะสม (โรงพยาบาลศรีธัญญา, 2564)
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเดียวกันยังพบว่ามีปัจจัยหลายประการที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถฟื้นตัวทางจิตใจและมีความสุขได้เทียบเท่าหรือมากกว่าคนทั่วไป หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม ผู้พิการที่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากครอบครัวและเพื่อนมีแนวโน้มที่จะปรับตัวได้เร็วขึ้น และมีระดับความสุขที่สูงขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับผู้ที่ขาดการสนับสนุน (ณัฐวดี ดวงพรม, 2565) นอกจากนี้ การเห็นคุณค่าในตนเองและการปรับตัวเชิงบวกยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถก้าวข้ามความท้าทายทางร่างกายและจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเตรียมความพร้อมทางจิตใจจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ถูกตัดขา การให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ขาเทียม การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการสนับสนุนด้านจิตวิทยาสามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้พิการ การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนหรือการบำบัดทางจิตวิทยา เช่น การให้คำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สุดท้ายนี้ แม้ว่าการสูญเสียขาจะเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตของผู้พิการ แต่ด้วยการสนับสนุนที่เหมาะสมและการเตรียมตัวทางจิตใจที่ดี ผู้พิการสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีเทียบเท่ากับบุคคลทั่วไป งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า การมีทัศนคติที่ดี การพึ่งพาการสนับสนุนจากครอบครัว และการพัฒนาทักษะในการปรับตัวเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสุขและความสมดุลในชีวิตของผู้พิการหลังจากการสูญเสียขา
“How you choose to deal with your amputation will help determine your quality of life. It is up to you!”
Quote from: “Leg Amputation and Your Recovery” of St. Joseph’s Healthcare Hamilton page 29.
อ้างอิง
Nd Natthawadee Maneeprom Et Al. J Psychiatr Assoc Thailand Vol. 56 No. 2 April - June 2011 137 ภาวะความสุขและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของ ผู้พิการเนื่องจากการตัดขาที่มารับบริการ ที่ศูนย์กายอุปกรณ์ในประเทศไทย, 137–148. https://www.psychiatry.or.th/JOURNAL/56-2/05-Natthawadee.pdf
St. Joseph’s Healthcare Hamilton. (n.d.). Leg Amputation and Your Recovery, 29. https://www.stjoes.ca/patients-visitors/patient-education/k-o/PD%207688%20Leg%20amputation%20and%20your%20recovery%20January%202012.pdf
Commenti